หลักการบริหารคลังสินค้า — องค์ความรู้ที่กลายเป็นต้นทุนธุรกิจโดยตรง
คลังสินค้าไม่ใช่เพียงที่เก็บของ แต่คือ “จุดควบคุมเงินทุน” ของธุรกิจ เพราะทุกสินค้าที่วางอยู่บนชั้น คือกระแสเงินสดที่ถูกแช่ค้างอยู่ ถ้าบริหารไม่ดี จะเกิดทั้งต้นทุนแฝง การสูญเสีย และโอกาสขายที่หายไป หลักการบริหารคลังสินค้าที่ดีจึงต้องยึด 3 แกนสำคัญ — Visibility, Accuracy, Speed
1) Visibility — มองเห็นทุกการเคลื่อนไหวแบบ Real-time
แกนแรกคือการรู้สถานะสต็อกให้เร็วและชัด ทั้งปริมาณ คงเหลือ จุดสั่งซื้อ และสินค้าที่กำลังเคลื่อนย้าย หลักคิดคือ “ไม่มีการเดา” ทุกตัวเลขต้องอัปเดตทันที เพื่อลดทั้ง overstock และ stock out การใช้ระบบที่ดึงข้อมูลสินค้าแบบ Real-time จึงเป็นหัวใจ เช่น iStock ที่ช่วยให้ผู้จัดการคลังเห็นภาพรวมได้จากจุดเดียว
2) Accuracy — ความแม่นยำตัวเลข = ความแม่นยำต้นทุน
ความคลาดเคลื่อนเพียง 1–2% อาจหมายถึงเงินหมื่นหรือเงินแสนในรอบไตรมาส ความแม่นยำจึงไม่ใช่ความหรูหรา แต่เป็นต้นทุนต้องควบคุม หลักการคือ รับเข้า–จ่ายออกต้องใช้หลักฐานดิจิทัล, ทุก SKU ต้องมีรหัสเดียวทั่วองค์กร, และต้องมีรอบตรวจนับแบบ Cycle Count ข้อมูลในระบบอย่าง iStock ช่วยบันทึก trace หลังบ้านทุกเหตุการณ์ ทำให้การตรวจสอบย้อนกลับง่าย และลดงาน manual error
3) Speed — ความเร็วของการเบิก–จ่าย = ความเร็วของธุรกิจ
ธุรกิจยุค supply chain สั้น ไม่ยอมให้คลังช้า การเบิกของช้าคือการขัดขวางการผลิตและยอดขาย หลักการคือ layout ต้องรองรับการหยิบเร็ว (Fast moving ใกล้จุดจ่าย), ใช้ Batch/FEFO/FIFO ที่ถูกต้อง และใช้ digital picking แทนกระดาษ เครื่องมืออย่าง iStock ทำให้กระบวนการ pick-pack-ship เดินต่อเนื่องแบบมีข้อมูลกำกับและลด Mis-pick
จากกองของ = สู่กองกำไร ด้วยระบบที่วัดได้
เมื่อคลังสามารถ “มองเห็น — แม่นยำ — ทำงานเร็ว” ข้อดีที่เกิดขึ้นคือ เงินทุนหมุนเวียนดีขึ้น lead time สั้นลง และความผิดพลาดลดจนวัดผลได้ การดึงเครื่องมืออย่าง iStock มาวางเป็น backbone ให้ข้อมูลไหลแบบ Real-time ทำให้คลังกลายเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่พื้นที่เก็บของอีกต่อไป